ฟาร์มขุดบิทคอยน์ KnC Miner ส่อถูกปิดตัว หลังจากถูกฟ้องล้มละลาย

KnC Miner เป็นผู้ทั้งผู้ให้บริการขุดบิทคอยน์แบบ Cloud mining และเป็นทั้งผู้ผลิตชิปขุดโดยได้ออกแบบใช้ชิปขนาด 28nm, 20nm และพยายามผลักดันให้ได้ถึง 16nm แต่ ณ ปัจจุบัน นายแซม โคล ( Sam cole ) CEO ของบริษัท KnC Miner ได้ให้สัมภาษณ์กับ Bitcoin.com ว่าได้ปรึกษาหารือกับทนายความถึงการที่จะปิดตัวลงของบริษัท ซึ่งรวมถึงบริษัทลูกของ KnC Miner ทั้งหมดด้วย

knc farm 1

ส่วนสาเหตุที่ต้องทำให้ KnC ต้องปิดตัวลงนั้น เนื่องมาจากที่รายได้จากการขุดนั้นไม่พอที่จะนำมาหักเป็นค่าใช้จ่าย รวมถึงค่าบำรุงรักษาฟาร์มขุดบิทคอยน์ ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทก็ได้เลิกจ้างพนักงานจำนวน 10 คนเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทั้งยังมีค่าใช้จ่ายภาษีพลังงานที่สวีเดนซึ่งสูงมากโดยต้องจ่ายถึง 44% ของรายได้ที่ได้มา ถึงแม้ว่าลูกค้ากลุ่มหนึ่งชอบที่จะใช้บริการขุดที่ KnC เพราะว่า KnC miner เน้นเรื่องพลังสะอาดที่นำมาใช้ในการขุด แต่ก็แบกรับภาระเรื่องค่าดูแลที่สูงขึ้นด้วย

อีกสาเหตุสำคัญที่ผลกระทบต่อรายได้ติดลบ จนถูกฟ้องล้มละลายนั้นก็คือ ผลกระทบจากรางวัลการขุดจะลดลง50%ทุกๆ 4 ปี ซึ่งในครั้งแรกเริ่มรางวัลต่อบล็อกอยู่ที่ 50 BTC แล้วก็ปรับลดลงมาเหลือ 25 BTC และในปีนี้ก็จะถึงเวลาปรับเหลือ 12.5 BTC ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยนบิทคอยน์ ณ ตอนนี้ส่งผลทำให้เกิดการขาดทุน เพราะค่าใช้จ่ายเท่าเดิมและอาจเพิ่มขึ้น แต่รายได้กลับลดลง

และ KnC ไม่สามารถที่จะแข่งกับฟาร์มอื่นที่มีต้นทุนถูกกว่าได้ เช่น ที่ประเทศจีน ที่มีต้นทุนทั้งค่าแรงงาน ค่าไฟฟ้า รวมถึงทรัพยากรที่ใช้ผลิตอุปกรณ์ที่ถูกกว่ามาก และคาดว่าแรงขุดบิทคอยน์โดยส่วนใหญ่คงจะมาฝังตัวอยู่ที่จีนซะเป็นส่วนใหญ่

จากตัวอย่างนี้ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนฉุกคิดได้นะครับว่า การลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ไม่ว่าขุดที่ Cloud ไหนๆ ก็เสี่ยงหมด อย่าลงเยอะ เอาแค่พอประมาณ อย่าฝังตัวครับ เพราะมันไม่แน่นอนเสมอไป และที่สำคัญหมั่นถอนออกมาใช้บ้าง และยิ่งกว่านั้นคือ ควรที่จะลงทุนแบบหลากหลาย กระจายความเสี่ยง เช่น ทั้งขุด ทั้งเทรด

ที่มาของข่าว news.bitcoin.com